รัชวุฒิ เชิดชูวานิช
ลุยตลาดปลาห้าแห่งในญี่ปุ่น ฉบับเดินทางสะดวกด้วย JR Pass
สำหรับคนที่เคยไปญี่ปุ่น เชื่อว่าคงต้องเคยได้ยินชื่อตลาดปลาซึคิจิ ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว แต่วันนี้จะขอพาไปชมตลาดปลาอื่นๆที่มีปลาที่สดและถูกยิ่งกว่าซึคิจิ (บางที่ส่งปลาให้ซึคิจิด้วยนะ) และทุกที่ๆจะมีเอกลักษณ์แบบท้องถิ่นเป็นของตัวเอง เดินทางง่าย ใกล้สถานี และใช้ JR Pass หรือ JR East Pass (Tohoku) ได้ทั้งหมดครับ
ชมวิถีชาวบ้านและกินอาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดปลาของชาวเมืองอากิตะ
ตลาดปลาชาวเมืองอากิตะ (Akita Shimin Ichiba) เป็นตลาดปลาที่ชาวเมืองใช้บริการกันจริงๆทุกวัน สังเกตได้จากชื่อที่ตั้งขึ้นตามสูตร มีคำว่า ”ชาวเมือง” ตามสไตล์สถานที่ราชการญี่ปุ่น และไม่มีการแต่งเติมเพื่อเรียกลูกค้าต่างชาติแม้แต่น้อย แต่ก็ยังมีคนมาใช้บริการมากมายจนชาวเมืองให้ฉายาว่าเป็นครัวของเมืองอากิตะ
จุดเด่นของที่นี่คือการที่ไม่ได้มีแค่ปลา แต่ยังมีสินค้าสดๆหลายอย่าง หลักๆคือปลาที่จับได้ภายในจังหวัด แต่ก็มีขนม ของฝาก ของขึ้นชื่อประจำเมือง ของทำมือ หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่ผู้มาเยือนอย่างเราๆสามารถแวะซื้อได้แค่แวะมาลงที่สถานี Akita ซึ่งทำได้ไม่ยากเลยสำหรับคนที่ใช้ JR Pass หรือ JR East Pass (Tohoku) ตลาดแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ไม่ถูกแต่งเติมเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวดัง แต่ก็ยังมีสินค้าต่างๆขายอย่างหลากหลาย
นอกจากโซนค้าขายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของตลาดแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารมากมาย โดยหนึ่งในร้านแนะนำของที่นี่คือซูชิแบบสายพาน Ichiban ซึ่งเป็นร้านที่บริหารงานเองโดยทางตลาด และใช้ของสดๆจากในตลาดมาทำเป็นซูชิหลากหลายประเภทให้เราทาน เป็นร้านที่เข้าง่าย สั่งง่าย ทำเร็ว และราคาไม่แพงเลย
เวลาทำการคือ 05:00-18:00 (แต่จะคึกคักที่สุดในตอนเช้า) และหยุดวันอาทิตย์ การเดินทางไม่ยาก สามารถเดินเท้าไปได้ ใช้เวลาไม่เกิน 5-10 นาทีจากสถานี Akita ซึ่งเป็นสถานีใหญ่และมีชินคันเซ็นจอด สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆต่อเดียวจากโตเกียว ใครที่มี JR Pass และกำลังหาที่กินอาหารทะเลสดๆ แบบเดินไม่เยอะ และอยากสัมผัสกับวิถีชาวบ้านละก็ แนะนำให้มาที่นี่เช้าๆ หรือจะมาค้างคืนแล้วแวะไปกินตอนเช้าก็ได้
- MAP:
- Google Map
เลือกปลาดิบใส่ข้าวเองได้ ที่ตลาดปลาฟุรุคาวะ
ตลาดปลาฟุรุคาวะมีอีกชื่อหนึ่งว่า Aomori Gyosai Center ไม่ว่าจะพูดชื่อไหนก็สื่อกับชาวเมืองได้ทั้งนั้น แต่แนะนำว่าถ้าจะถามทางเคาน์เตอร์โรงแรมหรือคนขับแท็กซี่ ลองบอกไปว่าอยากจะไปกินข้าว “น็อกเกะด้ง” ซึ่งนี่เป็นชื่อของข้าวหน้าปลาดิบที่กินได้ที่ตลาดปลาฟุรุคาวะเท่านั้น และดังมากจนใครๆก็รู้จัก รับรองว่าบอกไปเข้าใจแน่นอน
น็อกเกะด้งเป็นข้าวหน้าปลาดิบที่เราสามารถออกแบบเองได้ และมีวิธีสั่งที่สนุกไม่เหมือนใคร โดยก่อนอื่นจะต้องไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าตลาดปลาฟุรุคาวะ ซื้อตั๋วแลกปลา (เซ็ต 10 ใบ 1,300 เยน) แล้วนำตั๋วนั้นไปแลกเอาปลาดิบจากแต่ละร้านมาใส่ในข้าวของเรา โดยปลาดิบแต่ละชนิดก็จะใช้จำนวนตั๋วแตกต่างกันไป โดยตั๋วสิบใบนั้นเมื่อแลกจนหมดแล้วก็ได้ปริมาณพอสมควร แม้แต่ผู้ชายก็กินจนจุกได้เลย และหากใครที่กินน้อยก็ยังมีตั๋วแบบห้าใบอีกด้วย (เซ็ต 5 ใบ 650 เยน)
ที่ตลาดแห่งนี้จะมีร้านค้ามากมายที่ร่วมสนุกกับวิธีขายแบบนี้ ไม่ใช่แค่ปลาดิบเท่านั้น แต่ข้าว ซุป ผักดอง ไข่ม้วน เครื่องเคียง ก็ต้องแลกด้วยตั๋วเช่นกัน โดยให้ลองดูที่ป้ายราคาสินค้าแต่ละร้าน ร้านที่รับตั๋วนั้นจะมีป้ายราคาที่ไม่ได้เขียนราคาเป็นตัวเลขหลักร้อยหรือหลักพันเยน แต่เขียนเป็นจำนวนตั๋ว 1ใบ 2ใบ 3ใบ เป็นต้น ซึ่งพอเรานำตั๋วไปแลก เจ้าของร้านก็จะคีบของที่เราต้องการจัดลงจานให้สวยงาม
ภายในตลาดนั้นมีที่ให้นั่งทานอยู่ทั่วไป มีทั้งที่นั่ง น้ำชาร้อน น้ำเย็น โชยุ ทิชชูให้บริการ และเมื่อกินเสร็จแล้วให้นำชามพลาสติกไปทิ้งและนำถาดไปเก็บด้วยตัวเอง
ตลาดแห่งนี้เปิดทำการเวลา 07:00-16:00 การเดินทางนั้นไม่ยาก สามารถเดินเท้าไปได้เลยเพียงลงรถไฟที่สถานี Aomori แล้วเดินออกมาทางประตูตะวันออกไม่เกินห้านาที สำหรับผู้ที่มี JR Pass หรือ JR East Pass (Tohoku) และมีแผนจะไปอาโอโมริอยู่แล้ว แนะนำว่าให้มากินน็อกเกะด้งเป็นมื้อเช้าซักครั้ง จะเป็นประสบการณ์ดีๆที่นำไปเล่าให้ใครฟังก็สนุกแน่นอน
- MAP:
- Google Map
ออกแบบข้าวหน้าปลาดิบด้วยตัวเอง ที่ตลาดปลาชิโอกามะ
ตลาดปลาชิโอกามะในจังหวัดมิยางิ เดินทางไม่ไกลจากเมืองใหญ่อย่างเซ็นได หากใครที่อยากลองทำข้าวหน้าปลาดิบด้วยตัวเอง จากวัตถุดิบสดๆละก็ ตลาดปลานี้เป็นสถานที่แนะนำเลย เพราะนอกจากตลาดสดที่เราสามารถเข้าไปเดินได้แล้ว ไม่ไกลกันยังมีท่าเรือหาปลาและตลาดปลาขายส่งอยู่ด้วย ซึ่งปลาสดๆจากในตลาดชิโอกามะก็มาจากท่าเรือหาปลาและตลาดขายส่งที่ว่านี่เอง เรื่องความสดนั้นไม่มีปัญหา
ตลาดชิโอกามะนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาตลาดที่เราจะแนะนำในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าอยู่ใกล้กับเซ็นได เมืองใหญ่ที่ประชากรเยอะที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น) และชิโอกามะก็ยังเป็นหนึ่งในบริเวณที่ผลิตอาหารทะเลเยอะที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย หลังจากเดินดูจนทั่วจึงพบว่ามีสินค้าให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ปลาและอาหารทะเลสดทั่วๆไป ทั้งแซลมอน มากุโระ กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก ไข่ปลา สาหร่าย หอยเม่น ไปจนถึงเนื้อปลาวาฬ และสินค้าที่ไม่ใช่ปลาก็มีด้วย อย่างเช่นของแห้ง ขนม ของฝาก ผักดอง เรียกว่ากินเสร็จแล้วสามารถซื้อของฝากกลับโตเกียวได้เลย
ข้าวหน้าปลาดิบของที่นี่มีชื่อว่า My Kaisendon (ข้าวหน้าอาหารทะเลของฉัน) ซึ่งสามารถทำได้โดยการเดินซื้อปลาที่อยากกินจากร้านต่างๆภายในตลาด ถ้าเราบอกเจ้าของร้านว่าจะซื้อไปเพื่อทำข้าวหน้าอาหารทะเลมายไคเซนด้ง เจ้าของร้านก็จะนำปลามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำให้ ก่อนจะใส่ถุงยื่นให้กับเรา และเมื่อซื้อของที่อยากกินครบแล้ว ก็เดินไปซื้อเซ็ทข้าวเปล่าและซุปมิโสะที่โซนร้านอาหาร แล้วนำมาจัดเป็นข้าวหน้าปลาดิบด้วยตัวเองได้เลย (มีน้ำดื่ม โชยุ และวาซาบิบริการฟรี) ราคานั้นถือว่าดีมากๆ วัตถุดิบที่ผมซื้อมาเอง 2,000 เยน 600 บาท) สามารถจัดออกมาเป็นแบบในภาพได้สองจาน อิ่มสองคน รสชาติและราคานี้ถือว่าคุ้มยิ่งกว่ากินที่ซึคิจิเสียอีก
ใครที่อยากไปชมตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือของญี่ปุ่น และทำข้าวหน้าปลาดิบกินเองสดๆแบบนี้ สามารถเดินทางไปได้ไม่ยากด้วยชินคันเซ็น เพียงลงที่สถานี Sendai แล้วต่อรถไฟท้องถิ่น Senseki Line ไปลงที่สถานี Higashi-Shiogama แล้วนั่งแท็กซี่หรือเดินต่ออีกประมาณ 15 นาทีครับ ถ้าอากาศดีเดินได้สบายไม่มีปัญหา แต่ถ้าหิมะตกอาจจะลำบากเล็กน้อย
- MAP:
- Google Map
แวะชิมอาหารทะเลราคาประหยัดของอิวาเตะ ที่ตลาดปลาเมืองมิยาโกะ
มิยาโกะ เป็นเมืองที่อยู่สุดสายปลายทางของรถไฟสาย Yamada Line ซึ่งหากเริ่มนั่งจากสถานีชินกังเซ็นโมริโอกะ จะได้ผ่านภูเขาหลายลูกและอุโมงค์มากมาย วิวดีสุดๆ จะนั่งรถบัสไปก็มีครับแต่ผมแนะนำให้นั่งรถไฟชมวิวนะ ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งแต่วิวระหว่างทางนั้นสวยคุ้มค่าแน่นอน เมื่อมาถึงแล้วจะพบกับเมืองท่าขนาดกลางที่ไม่เงียบเหงา แต่คนก็ไม่เยอะมากเหมือนแหล่งท่องเที่ยวดัง โดยเมืองมิยาโกะหันหน้าเข้าหามหาสมุทรแปซิฟิกและเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ปลาที่จับได้ที่นี่มากมายถูกส่งไปที่ตลาดหลายแห่งในญี่ปุ่น รวมถึงตลาดปลาซึคิจิในโตเกียวที่ทุกคนรู้จักดี
ตลาดปลาเมืองมิยาโกะ (Miyako Gyosai Ichiba) เป็นสถานที่ๆน่าจะคับคั่งที่สุดในเมือง ตั้งแต่เช้าชาวเมืองจะแวะมาทานอาหารและซื้อของสด เจ้าของร้านอาหารก็จะมาซื้อปลาจากที่นี่เพื่อไปเตรียมอาหารในร้านของตัวเอง โดยปลาที่ขายที่นี่เกือบทั้งหมดมาจากท่าเรือหาปลาในเมืองมิยาโกะเอง จึงรับรองได้เรื่องความสด และด้วยค่าครองชีพของจังหวัดอิวาเตะที่ถูกเป็นอันดับต้นๆในญี่ปุ่น ทำให้ร้านอาหารที่ตลาดนี้ขายข้าวหน้าปลาดิบที่สดใหม่ให้เราได้ในราคามิตรภาพ
ร้านอาหารประจำตลาดมีอยู่ไม่กี่ร้านเท่านั้น โดยร้านที่อยากแนะนำคือร้าน Oikawa ร้านประจำตลาดที่นำของสดต่างๆที่มีขายในตลาดมาจัดเป็นข้าวหน้ารวมมิตรปลาดิบที่น่าทาน ทั้งความสดและราคานั้นถือว่าคุ้มค่ามากๆ เมนูในภาพที่สั่งมาทานคือ ข้าวหน้าปลาดิบมิยาโกะ ซึ่งใช้ของสดในท้องถิ่นเท่านั้น ราคา 1,500 เยนกับปริมาณนี้ถือว่าหาในโตเกียวได้ยาก
เวลาทำการของที่นี่คือ 07:00-16:00 คนจะเยอะที่สุดในช่วงเช้าและช่วงมื้อเที่ยง
การเดินทางจากโตเกียว ให้นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Morioka แล้วต่อรถไฟท้องถิ่น Yamada Line จนถึงปลายทางที่สถานี Miyako จากสถานีจะต้องเดินต่อประมาณ 10 นาที โดยนอกจากตลาดแล้ว ในบริเวณมิยาโกะก็ยังเต็มไปด้วยชายหาดสวยๆมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “โจโดกาฮามะ” ชายหาดสีขาวที่สวยงามและมีโครงสร้างหินแปลกๆที่รูปร่างน่าสนใจอยู่เต็มชายฝั่ง ทั้งตลาดและหาดล้วนเป็นที่เที่ยวแนะนำหากใครคิดจะใส่จังหวัดอิวาเตะไว้ในแผนเที่ยว
- MAP:
- Google Map
แวะกินอาหารทะเลสดๆที่ตลาดปลาซากาตะ จังหวัดยามากาตะ
สำหรับคนที่เลือกมาเที่ยวเมืองยามากาตะ ซึ่งมีที่เที่ยวสำคัญๆอย่างวัดยามาเดระ ปีศาจหิมะที่ซาโอะ และกินซังออนเซ็น ขอแนะนำให้แวะมาชิมอาหารทะเลที่ตลาดปลาซากาตะเป็นการปิดท้ายครับ
ตลาดซากาตะแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองชื่อเดียวกันในจังหวัดยามากาตะ การเดินทางถือว่าไม่ยากแต่อาจจะไกลเล็กน้อย เหมาะกับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวนีงาตะหรือยามากาตะอยู่แล้ว โดยตลาดซากาตะตั้งอยู่ติดทะเล มีท่าเรือหาปลาอยู่ข้างๆ อาหารทะเลเกือบทั้งหมดเป็นของที่มาลงที่ท่าเรือสดๆเลย และพื้นที่ทั้งหมดบนชั้นสองของตลาดก็เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ชื่อว่า โทบิชิมะ ซึ่งเปิดบริการตั้งแต่มื้อเช้ายันมื้อเย็น
เมนูนั้นถือว่าหลากหลายที่สุดในบรรดาร้านที่แนะนำมา เพราะว่าร้านใหญ่ ปลาที่จับได้ในบริเวณนี้ก็มีหลากหลายชนิด แต่วันนี้ขอเลือกทานเมนูพื้นฐานอย่าง ข้าวหน้าปลามากุโระและไข่ปลาอิคุระ ซึ่งทุกเมนูมาพร้อมซุปมิโสะและผักดองที่เข้ากันครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือ ในช่วงมื้อเช้านั้นบางเมนูจะยังไม่มีขาย ถ้าอยากทานให้ครบก็แนะนำว่าควรแวะมาตอนเที่ยง
ตัวตลาดนั้นอยู่ด้านล่าง เรามาเยือนในตอนเช้าเลยคาดหวังว่าจะพบกับคนมหาศาล แต่คนก็ไม่มากอย่างที่คิดไว้ ส่วนขนาดแม้จะไม่ใหญ่แต่ถือว่ามีของหลากหลาย ทั้งอาหารทะเลหลายชนิดที่จับได้จากบริเวณนี้ ของตากแห้ง และของฝาก ขนมก็มีนะ
เวลาทำการของตลาดชั้นล่างคือ 08:00-18:00 ส่วนร้านอาหารบนชั้นสองนั้นเปิดทำการ07:00-19:00 แต่จะมีหยุดพักสองชั่วโมงตั้งแต่ 09:00-11:00 ใครที่อยากจะแวะไป แนะนำว่าให้วางแผนรวมไว้กับที่เที่ยวในจังหวัดนีงาตะหรือยามากาตะ การเดินทางนั้นหากนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปลงที่สถานี Niigata สามารถต่อรถด่วน Limited Express Inaho เพียงต่อเดียวไปได้จนถึงปลายทางที่ Sakata ส่วนใครที่มาจากยามากาตะ ให้นั่งชินคันเซ็นจาก Yamagata ไปจนถึงปลายทางชินคันเซ็นที่สถานี Shinjo ก่อน แล้วจึงต่อรถไฟท้องถิ่น Rikuu West Line ไปลงปลายทางที่ Sakata
- MAP:
- Google Map